รีวิว The Legend of the Condor Heroes The Gallants (2025) มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่

การกลับมาของนวนิยายจีนกำลังภายในจากนักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ “กิมย้ง” สู่การสร้างและกำกับภาพยนตร์โดยผู้กำกับระดับตำนาน “ฉีเคอะ” นี่คือภาพยนตร์จอมยุทธ์สุดสะเทือนยุทธภพ “มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่” ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นการนำมาตีความใหม่จากนวนิยาย  รีวิวหนังใหม่ มังกรหยก (The Legend of the Condor Heroes) วรรณกรรมคลาสสิกของ “กิมย้ง” โดยผู้กำกับระดับตำนาน “ฉีเคอะ” (Tsui Hark) ผู้ขึ้นชื่อเรื่องงานกำกับแนวแอ็กชัน-กำลังภายในที่คอหนังต่างให้การยอมรับ มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ นำแสดงโดย เซียวจ้าน ในบท “ก๊วยเจ๋ง”, จวงต๋าเฟย ในบท “อึ้งย้ง”, แวนด้า มาร์กราฟ รับบท ฮัวเจิ้ง และ เหลียงเจียฮุย รับบท อาวเอี๊ยงฮง แค่รายชื่อนักแสดงในเวอร์ชั่นนี้ก็น่าดูมากแล้ว มังกรหยก เป็นวรรณกรรมกำลังภายในอันลือลั่นที่ประพันธ์โดย กิมย้ง มีเรื่องราวเริ่มต้นในช่วงปลายราชวงศ์ซ่งเหนือ โดยมีตัวละครเอกคือ ก๊วยเจ๋ง เด็กหนุ่มกำพร้าพ่อผู้ซื่อสัตย์และมีคุณธรรมซึ่งเติบโตขึ้นในมองโกเลียและได้รับการฝึกฝนวิทยายุทธ์จากเจ็ดประหลาดแห่งกังหนำ ก๊วยเจ๋งเดินทางเข้าสู่ยุทธภพและได้พบกับ อึ้งย้ง ธิดาแสนฉลาดของจอมมารบูรพาอ้งเอี๊ยซือแห่งเกาะดอกท้อ ทั้งสองได้ออกผจญภัยในยุทธภพร่วมกันและได้เรียนรู้วิทยายุทธ์ชั้นสูงจากปรมาจารย์ต่าง ๆ เช่น อั้งชิกกง (หัวหน้าพรรคยาจก) เนื้อเรื่องดำเนินไปพร้อมกับการแย่งชิงความเป็นใหญ่ในยุทธภพและการรุกรานของชนชาติจิน ก๊วยเจ๋งยึดมั่นในคุณธรรมและคอยปกป้องแผ่นดินซ่ง เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายกาจ เช่น อาวเอี๊ยงฮง(จอมมารพิษประจิม) และได้รับการช่วยเหลือจากมิตรสหายมากมาย มังกรหยกนำเสนอเรื่องราวการเติบโตของก๊วยเจ๋ง

รีวิว นาจา 2 (Ne Zha 2)

ภาพยนตร์เรื่อง นาจา 2 (Ne Zha 2) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของจีนที่มีบ็อกซ์ออฟฟิศทะลุหมื่นล้านหยวนด้วยผลงานที่ประณีตและออกฉายในภูมิภาคอเมริกาเหนือเมื่อไม่นานมานี้ ในภาพยนตร์นี้ นายฮาลามู่จี๋ ผู้สืบทอดศิลปะมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ชนเผ่ามองโกล นักดนตรีรุ่นเยาว์ใช้เครื่องดนตรีฮูม่ายแต่งเพลงประกอบให้กับซีนของ “ภาชนะติ่งเทียนหยวน”  สร้างความสนใจให้กับผู้ชมจำนวนมหาศาล ในการให้สัมภาษณ์ฮาลามู่จี๋ได้จัดแสดงศิลปะเครื่องดนตรีฮูม่าย และเชิญชวนผู้ชมต่างชาติร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์พิเศษของวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน Ne Zha 2 หรือ นาจา 2 ภาคนี้กลายเป็นหนังแอนิเมชันจากจีนที่กลับมาเป็นภาคต่อที่ยกระดับให้ดีขึ้นในทุก ๆ ด้านอย่างแท้ทรู ต้องยกนิ้วให้กับความอลังการงานสร้างที่ไม่ปล่อยให้คนดูได้หยุดตื่นตาเลย ยังมาพร้อมกับจังหวะการเล่าเรื่องที่สนุก บนสูตรสำเร็จขั้นพื้นฐานที่ยังเวิร์คอยู่มาก ๆ กลายเป็นหนังการ์ตูนจีนที่สามารถเชิดหน้าชูหน้าตาได้เป็นอย่างดี และสมราคาคุยที่ขึ้นแท่นเป็นหนังโกยเงินระดับ 2 พันล้านเหรียญ และเป็นแอนิเมชันเบอร์หนึ่งของโลกในเวลานี้ ปังจริง!

รีวิว The Twister: Caught in the Storm (2025)

สารคดีที่เล่าเรื่องจากฟุตเทจของหลายคนที่ผ่านเหตุพายุทอร์นาโดระดับใหญ่ EF-5 ความเร็วลมถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2011 ที่เมืองจอปลิน รัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา เรื่องราวนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะการโฆษณาว่ามีฟุตเทจจากใจกลางพายุ ซึ่งผู้ชมที่เคยดูภาพยนตร์ทวิสเตอร์คงจำได้ว่านั่นเป็นตอนจบของภาคแรกที่ตัวละครได้เข้าไปอยู่ในตาพายุ และทุกอย่างดูน่าทึ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง สารคดีเรื่องนี้พยายามอ้างอิงถึงหนังทวิสเตอร์โดยตรงตั้งแต่ชื่อเรื่อง รวมถึงนำเสนอกลุ่มนักล่าพายุที่ออกมาเล่าเหตุการณ์ โดยบอกว่าพวกเขาชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากและเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเขาไปเผชิญกับพายุลูกนี้ รีวิวหนังใหม่ The Twister: Caught in the Storm สารคดีพยายามนำเสนอในแนว “การเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่” ของวัยรุ่น โดยให้ตัวละครในเรื่องเป็นช่วงวัยรุ่นเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่จบการศึกษาในวันเกิดเหตุพอดีแล้วต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโดที่พัดถล่ม หรือเด็กที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักพยากรณ์อากาศ แต่เรื่องราวที่นำเสนอกลับเรียบง่ายและไม่มีพลัง ไม่สามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้ แม้ว่าผู้สร้างจะพยายามสร้างจุดสนใจด้วยเรื่องของผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายที่ติดเชื้อราจากพายุจนเนื้อถูกกัดกร่อนเกือบเสียชีวิต แต่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่สารคดีกลับเล่าเรื่องนี้แบบผ่านๆ สั้นๆ ไม่ได้พัฒนาให้เป็นจุดสุดยอดของเรื่อง นอกจากทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกที่น่าสนใจเท่านั้น จนทำให้สารคดีนี้ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นอย่างลวกๆ เพื่อเกาะกระแสภาพยนตร์ ซึ่งที่จริงแล้วภาพยนตร์ดังกล่าวก็ฉายไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว และยังไม่ทันเวลาที่หนังจะเข้าฉายด้วยซ้ำ

รีวิวหนัง Arthur the King

แม้จะเป็นหนังที่มีสุนัขเป็นตัวละครสำคัญ แต่เนื้อหาการแข่งขันกลับเข้มข้นดุเดือดไม่แพ้หนังกีฬาชั้นดี การแข่งขันนี้ไม่ได้ทดสอบแค่ความอดทน แต่ยังต้องใช้ไหวพริบในการเลือกเส้นทางที่ได้เปรียบ ซึ่งทีมของไมเคิลก็เลือกที่จะใช้เส้นทางลัดเป็นหลักเนื่องจากมีสมาชิกที่มีอายุมากและมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ แต่ทุกคนมาร่วมแข่งเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง Arthur the King หนังสร้างความตื่นเต้นผ่านฉากที่ทีมต้องฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข้ามหุบเขาโดยใช้สลิงที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขากล้าทำ การปีนหน้าผาชันพร้อมแบกจักรยานไปด้วย และตลอดเส้นทางนี้ อาร์เธอร์ไม่เพียงแค่ตามติดทีมไปทุกที่ ยังกลายเป็นทั้งกำลังใจและผู้ช่วยเตือนภัยที่มนุษย์มองไม่เห็น แม้ตัวมันเองจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถติดตามทีมไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้แต่ในช่วงพายเรือในทะเล อาร์เธอร์ยังหาทางตามไปได้ในฉากไคลแมกซ์ที่สร้างความประทับใจสุดๆ หนังไม่ได้จบลงแค่การแข่งขัน แต่ 15 นาทีสุดท้ายของเรื่องกลับสร้างความลุ้นระทึกและความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่า เมื่ออาร์เธอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสัตวแพทย์ในเอกวาดอร์ไม่สามารถรักษาได้ ต้องพามันกลับไปรักษาที่อเมริกา เรื่องราวการต่อสู้เพื่อชีวิตของอาร์เธอร์กลายเป็นความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างคนและสุนัข ถึงแม้จะมีอุปสรรคที่ดูเล็กน้อย แต่ในช่วงเวลาวิกฤตที่ทุกวินาทีคือความเป็นความตายของอาร์เธอร์ ก็ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกยิ่งกว่าช่วงการแข่งขันเสียอีก

รีวิว Novocaine มิสเตอร์โคตรคนทรหด (2025)

รีวิวหนังใหม่ Novocaine มิสเตอร์โคตรคนทรหด เรื่องราวของชายหนุ่มคลั่งรักผู้เกิดมาพร้อมกับปัญหาด้านพันธุกรรม ร่างกายของเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่นั่นเป็นความเสี่ยงที่เขาต้องแบกรับ จนทำให้เขาค่อนข้างเก็บตัว จนมาเจอกับหญิงสาวคนที่ทำโลกทั้งใบเปลี่ยน และเธอก็ถูกแก๊งโจรลักพาตัวไป เขาจึงใช้มันช่วยชีวิตเธอ หนังปูพื้นตัวเอกได้ดีจนแทบจะเหมือนหนังรัก ก่อนที่จะพาคนดูไปสู่พาร์ททริลเลอร์สุดเสียวไส้ เมื่อฉากเจ็บตัว (แต่ตัวเอกไม่รู้สึกเจ็บ) ที่สุดฮาถูกระดมยิงมาอย่างไม่ยั้งมือ เรื่องย่อ : เรื่องราวมันเกิดขึ้นในธนาคารสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีผู้ช่วยผู้จัดการเป็น เนท หรือ นาธาน เคน (Jack Quaid จากซีรีส์ ‘The Boys’ และหนัง ‘Companion’) ผู้เกิดมามีปัญหาด้านพันธุกรรม เขาไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ นั่นทำให้เขาดำรงชีวิตอยู่อย่างระมัดระวังมาโดยตลอด จนถึงวันที่เขาได้พบกับพนักงานคนใหม่ เธอชื่อ เชอร์รี่ (Amber Midthunder จากหนัง ‘Prey’ และ ‘The Ice Road’) ต่างต้องใจกัน และความสัมพันธ์ก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ถ้าบังเอิญไม่เกิดเหตุขึ้น ก่อนจะถึงวันคริสต์มาส แก๊งโจรที่สวมชุดซานตาคลอสก็เดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ พวกมันทั้งปล้นเงิน สังหารผู้จัดการธนาคาร แถมยังคว้าตัวเชอร์รี่ในฐานะตัวประกันออกไปกับพวกมันด้วย ทำให้เนทต้องใช้ความผิดปกติของตนเองให้เป็นประโยชน์ ความไม่เจ็บของเขาจะช่วยให้เป็นฮีโร่และทำให้เขาช่วยชีวิตคนรักได้หรือไม่ ต้องมาตามดูกัน จะว่าไป นี่มันก็คือหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ในอีกรูปแบบหนึ่ง ต่างแค่เขาเป็นคนธรรมดาที่ตั้งใจใช้พลังพิเศษเพื่อช่วยคนรัก ไม่ได้ช่วยคนทั้งโลกเท่านั้นเอง แถมยังเป็นคนธรรมดาที่น่าสงสาร เพราะต้องเอาร่างกายเข้าไปเสี่ยงตาย และเป็นคนเพื่อนน้อยอีกต่างหาก เป็นคาแรกเตอร์ที่คนดูรู้สึกเอาใจช่วยแบบสุดๆ

รีวิว The Electric State ท่องแดนจักรวาล (2025)

The Electric State ท่องแดนจักรวาล ผลงานล่าสุดของคู่หูพี่น้องผู้กำกับ “แอนโทนี กับ โจ รุสโซ” ที่เคยปังระดับพันล้านกับหนังชุด Avengers ภาคที่ทำให้มาร์เวลก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของจักรวาล เป็นการดัดแปลงสร้างมาจากนิยายภาพล้นจินตนาการของ ไซมอน สตาเลนแฮจ ที่ยังเป็นการผนึกกำลังทีมนักเขียนบทคู่บุญ “คริสโตเฟอร์ มาร์กัส” และ “สตีเฟน แม็คฟีลีย์” จากแฟรนไชส์หนังมาร์เวลดัง ๆ กลายเรื่อง กลับมาร่วมงานกับพี่น้องรุสโซอีกครั้ง เรื่องย่อ : เรื่องราวในปี 1997 ผลพ่วงแห่งสงครามระหว่างมนุษย์กับเหล่าจักรกลได้สิ้นสุดลงด้วยข้อตกลงในการกักกันหุ่นยนต์ในพื้นที่ที่จัดเอาไว้ให้ในดินแดนห่างไกล โลกมุนษย์ตกอยู่ภายใต้ความกังวลที่จะเข้าสู่สถานการณ์วิกฤตทางเทคโนโลยี หุ่นยนต์ตัวน้อยได้ปรากฏตัวพบกับเด็กสาววัยรุ่น อย่าง มิเชลล์ ที่เขาแนะนำตัวว่าเป็นน้องชายที่เธอคิดว่าเสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน แต่ความจริงคือเขายังอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่แนวคิดของเขาได้โอนมาอยู่ในร่างหุ่นยนต์ ที่ทำให้เธอต้องเดินทางข้ามแผ่นดินอเมริกา เพื่อออกตามหาว่าร่างจริง ๆ ของน้องชายเธอหายไปอยู่ที่ไหน อีกไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ก็คือแคสติ้งนักแสดง ที่จับเขาซุปตาร์ต่างรุ่น “มิลลี บ็อบบี บราวน์” กับ “คริส แพรตต์” มาประกบคู่ออกโรงผจญภัยไปด้วยกัน พวกเขาต่างผนึกกำลังใช้ความเป็นมืออาชีพในการประคองหนังเรื่องนี้ ถึงมันจะออกมาเป็นการหยอดใส่องค์ประกอบนักแสดงนำที่แทบจะไม่มีอะไรที่เข้ากันได้เลย ความแตกต่างระหว่างวัยเกินไปก็พลอยทำให้หนังดูแปลกแยกไปพอสมควร โดยเฉพาะมิลลีที่อยู่ในช่วงก่ำกึ่งระหว่างวัยเด็กกับวัยสาว ที่ยิ่งทำให้ไม่ชัดเจนเข้าไปอีก

รีวิว A Working Man(2025)

รีวิวหนังใหม่ A Working Man ดัดแปลงจากนิยายแอ็กชันของ ชัก ดิกสัน นักเขียนการ์ตูนชื่อดังที่มีผลงานทั้งฝั่ง DC Comics และ Marvel Comics โดยเล่าเรื่องราวของ เลวอน เคด ( นำแสดงโดย เจสัน สเตแธม) อดีตนายทหารที่หันหลังให้กับการรับใช้ชาติไปเป็นคนงานก่อสร้างและใช้ชีวิตสงบสุขกับครอบครัว แต่เมื่อเกิดเหตุลูกสาวของเจ้านายผู้มอบชีวิตใหม่ให้เขาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เลวอนถูกขอให้หวนคืนสู่วงการเสี่ยงตายอีกครั้ง อดีตนาวิกโยธินออกลุยเดี่ยวตามหาและไล่ล่าไปจนถึงขบวนการค้ามนุษย์ระดับชาติที่ลักพาตัวคนบริสุทธิ์มากมายเข้าสู่วงจรธุรกิจนรก เลวอนจึงต้องงัดทุกสกิลสู้ระห่ำเพื่อช่วยชีวิตหญิงสาวให้ปลอดภัย และทำลายขบวนการนรกสุดระยำนี้ให้สิ้นซาก งานนี้เดือดจัดเพราะแท็กทีมสามตัวพ่อแห่งวงการหนังแอ็กชัน นำแสดงโดยแอ็กชันสตาร์ขวัญใจคนไทย “เจสัน สเตแธม” (The Meg, Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw) และกำกับโดยสายโหด “เดวิด เอเยอร์” (Fury, Suicide Squad) รวมทั้งยังได้สุดยอดนักบู๊แรมโบ้ในตำนาน “ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน” (Rambo, The Expendables) ที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมจากเรื่อง “Rocky” (1976) มาร่วมเขียนบทและโปรดิวซ์ให้อีกด้วย จากการรวมตัวกันครั้งนี้สื่อต่างประเทศจึงคาดการณ์ว่า “A Working Man” จะประสบความสำเร็จตามรอย “The Beekeeper” ได้ไม่ยากด้วยเนื้อเรื่องและฉากแอ็กชันที่อัปดีกรีความโหด ดิบ เดือดยิ่งกว่าเดิม!

รีวิว Snow White สโนว์ไวท์ (2025)

ภาพยนตร์ไลฟ์แอคชั่นที่ดัดแปลงมาจากแอนิเมชั่นในปี 1937 ของดิสนีย์ ในชื่อ “สโนวไวท์และคนแคระทั้งเจ็ด”   เป็นอีกหนึ่งเจ้าหญิงดิสนีย์ที่กำลังจะมาโลดแล่นอีกครั้งในโลกแผ่นฟิล์มฉบับคนแสดง สำหรับ Snow White ที่ล่าสุด Disney นำกลับมาสร้างใหม่ในหนังไลฟ์แอ็คชั่น (Live-Action) ให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันอีกครั้ง หลังจากที่ได้แจ้งเกิดเจ้าหญิงหลายต่อหลายคนกันมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยทีเซอร์แรกของ Disney’s Snow White สโนว์ไวท์ ฉบับรีเมก ได้ถูกปล่อยที่งาน Disney D23 ซึ่งเราจะได้เห็นการแสดงของ กัล กาดอท (Gal Gadot) ในบทบาทของราชินีชั่วร้าย (Evil Queen) และ ราเชล เซกเลอร์ (Rachel Zegler) ในบท สโนว์ไวท์ เป็นครั้งแรก เรื่องย่อ : เรื่องราวของ สโนว์ไวท์ เจ้าหญิงที่มีจิตใจงดงามและรูปลักษณ์งามสง่าเป็นที่รักของสรรพสิ่งทุกประเภททั้งคนและสัตว์ในอาณาจักร ยกเว้น ราชินี แม่เลี้ยงที่อิจฉาเธอตลอดมา เมื่อกระจกวิเศษยืนยันว่าสโนว์ไวท์คือหญิงที่งามที่สุดในปฐพี แต่แล้วโชคชะตาทำให้เธอต้องหนีเข้าไปในป่าลึกซึ่งเป็นที่ที่เธอจะได้เป็นเพื่อนกับคนแคระทั้ง 7 ด็อก, แฮปปี้,

รีวิว Mickey 17 มิคกี้ 17 (2025)

รีวิวหนังใหม่ Mickey 17 มิคกี้ 17 (2025) มิคกี้ บาร์นส์ เขาเหมือนจะฮีโร่จำเป็น เพราะต้องการหลีกหนีจากโลกใบเดิมออกไปสู่โลกใบใหม่ ที่ดันสมัครเข้าโครงการมนุษย์ใช้แล้วทิ้งที่ทุก ๆ ฝ่ายต่างหากันคันค้าน ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตัวของเขาเองกำลังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่ปกติในการร่วมงานกับนายจ้าง ซึ่งเขาต้องรับงานที่.. ยอมเสียสละชีวิตเพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ นี่คือผลงานที่ผู้กำกับ บงจุนโฮ ลงแรงดูแลในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นกำกับเอง เขียนบทหนังเอง และร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้เอง โดยเป็นการใช้ทีมงานแบบลูกผสมระหว่างฮอลลีวูดกับเกาหลีได้อย่างลงตัว โดยหนังเรื่องนี้ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายไซไฟของ “เอ็ดเวิร์ด แอชตัน” เล่มที่ชื่อว่า Mickey7 ที่เพิ่งจะตีพิมพ์ขายไปเมื่อช่วงหนังเริ่มเปิดกล้อง Mickey 17 เรื่องนี้จึงมาพร้อมกับกลิ่นอายและเอกลักษณ์ความเป็นหนังเฮียบงมาอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นหนังที่จะต้องมีประเด็นสอดเสียดและเสียดสีสังคมกับการเมืองอย่างแสบสันต์ หรือจะเป็นการแต่งเติมจินตนาการสุดจะเหลือเชื่อผนวกเข้ามาในท้องเรื่องด้วย รวมทั้งอารมณ์ขบขับคมคายชวนประหลาดเบา ๆ แต่กลับมอบผลลัพธ์ที่เต็มอรรสรถได้อย่างคาดไม่ถึง ทุก ๆ ส่วนผสมเหล่านี้มีปะปนอยู่ในหนังเรื่องนี้ทั้งหมด

รีวิว Squad 36 หน่วย 36 ตำรวจมือพระกาฬ

ภาพยนตร์อาชญากรรมระทึกขวัญที่จะพาไปดำดิ่งกับความลึกลับปริศนาของทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยสืบสวนที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะเริ่มหายตัวและถูกฆ่าปิดปากไปทีละคน นี่คือหนังที่หยิบเอานิยายอาชญากรรมเล่มดังมาละเลงสร้างเป็นหนังจอใหญ่ เรื่องราวของอองตวน แซร์ดา ตำรวจหนุ่มยอดฝีมือประจำหน่วยสืบสวนสอบสวนได้รับคำสั่งย้ายไปอยู่หน่วยต่อต้านอาชญากรรม เนื่องจากพฤติกรรมและละเมิดกฎทางวินัยอย่างมิชอบ ทำให้เขาเก็บตัวเงียบหายไป 6 เดือนไม่ติดต่อและไม่รับรู้ใด ๆ กระทั่งเขาต้องกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังพบว่าอดีตเพื่อนร่วมทีม 2 คนถูกสังหารในรอบ 24 ชั่วโมง และอีกคนก็หายตัวไปลึกลับ เขาจึงพยายามสืบเสาะหาข้อเท็จจริงในประเด็นลึกลับครั้งนี้ ที่ได้นำพาเขาไปสู่จุดที่เลวร้ายและตกต่ำที่สุดในอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หนังเรื่องนี้เป็นฝีมือล่าสุดของผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังของฝรั่งเศส “โอลิเวอร์ มาร์ชาล” ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักสร้างหนังที่มักจะโดดเด่นจัดจ้านการงานหยิบเอาวงการสีกากีมาสร้างเป็นหนัง เนื่องจากเขาก็คือตำรวจเก่า และนี่ก็น่าจะเป็นการหวนคืนฟอร์มของเขาอีกครั้งในรอบ 20 ปี หลังจากที่เคยแจ้งเกิดมาจากหนังแนวเดียวกัน อย่าง “36th Precinct” เมื่อปี 2004 ที่ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลซีซาร์ อวอร์ดส์ หรือ ออสการ์ของฝรั่งเศส โอลิเวอร์ มาร์ชาล ยังรับหน้าที่ดัดแปลงเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยตัวของเขาเอง โดยหยิบเอานิยายสืบสวนเล่มดังของ “มิเกล ตูร์เชอร์” มาปั้นเรื่อง ด้วยลีลาการสร้างสรรค์ของเขาอาจจะไม่ได้ทำให้เกิดความแปลกใหม่เท่าไหร่ในงานชิ้นนี้ จังหวะและลีลาในหนังเหมือนจะซับซ้อนและชวนติดตาม แต่ก็ยังมีหลาย ๆ จุดที่ขาดเกินอยู่ Squad 36 อาจจะมีเนื้อหาสืบสวนที่เข้มข้น แต่การเล่าเรื่องยังค่อนข้างหละหลวมและไม่ชวนติดตามได้อยู่หมัด