แม้จะเป็นหนังที่มีสุนัขเป็นตัวละครสำคัญ แต่เนื้อหาการแข่งขันกลับเข้มข้นดุเดือดไม่แพ้หนังกีฬาชั้นดี การแข่งขันนี้ไม่ได้ทดสอบแค่ความอดทน แต่ยังต้องใช้ไหวพริบในการเลือกเส้นทางที่ได้เปรียบ ซึ่งทีมของไมเคิลก็เลือกที่จะใช้เส้นทางลัดเป็นหลักเนื่องจากมีสมาชิกที่มีอายุมากและมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ แต่ทุกคนมาร่วมแข่งเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง

Arthur the King หนังสร้างความตื่นเต้นผ่านฉากที่ทีมต้องฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข้ามหุบเขาโดยใช้สลิงที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขากล้าทำ การปีนหน้าผาชันพร้อมแบกจักรยานไปด้วย และตลอดเส้นทางนี้ อาร์เธอร์ไม่เพียงแค่ตามติดทีมไปทุกที่ ยังกลายเป็นทั้งกำลังใจและผู้ช่วยเตือนภัยที่มนุษย์มองไม่เห็น แม้ตัวมันเองจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังสามารถติดตามทีมไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้แต่ในช่วงพายเรือในทะเล อาร์เธอร์ยังหาทางตามไปได้ในฉากไคลแมกซ์ที่สร้างความประทับใจสุดๆ

หนังไม่ได้จบลงแค่การแข่งขัน แต่ 15 นาทีสุดท้ายของเรื่องกลับสร้างความลุ้นระทึกและความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่า เมื่ออาร์เธอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสัตวแพทย์ในเอกวาดอร์ไม่สามารถรักษาได้ ต้องพามันกลับไปรักษาที่อเมริกา เรื่องราวการต่อสู้เพื่อชีวิตของอาร์เธอร์กลายเป็นความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างคนและสุนัข ถึงแม้จะมีอุปสรรคที่ดูเล็กน้อย แต่ในช่วงเวลาวิกฤตที่ทุกวินาทีคือความเป็นความตายของอาร์เธอร์ ก็ทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกยิ่งกว่าช่วงการแข่งขันเสียอีก