ในวัยเด็กเราอาจจะจำได้ มีชายวัยกลางคนทำตัวตลกๆผ่านทางสีหน้าและท่าทาง ไม่มีบทพูดแต่สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนดู เชื่อว่าไม่มีใครคนไหนไม่รู้จักชายที่ชื่อ “มิสเตอร์บีน” อย่างแน่นอน
แต่รู้หรือไม่ว่าละครที่มี Concept ง่ายๆ ทุนสร้างไม่มาก กลับสามารถสร้างรายได้เกือบแตะพันล้านเหรียญ อีกทั้งเป็น Asset อย่างหนึ่งให้คนแสดงมีค่าลิขสิทธิ์ต่อปีมากกว่า 11 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

มิสเตอร์บีน (Mr.Bean) คือละครตลกของประเทศอังกฤษที่ได้รับแรงบรรดาลใจมากจากละครใบ้ของชาลี แชปลิน เป็นละครตลกที่มีบทพูดน้อยมาก อาศัยการดูลักษณะท่าทางก็สามารถสร้างเสียงหัวเราะได้
มิสเตอร์บีน รับบทโดยโรแวน แอตคินสัน (Rowan Sebastian Atkinson) ชายหนุ่มผู้เกิดมาจากครอบครัวชาวนาชนชั้นกลาง ในวัยเด็กเขามีความสามารถในการขับรถไม่ว่าจะเป็นรถเล็กหรือรถใหญ่ก็สามารถขับได้หมด เขาได้รับการศึกษาที่สูงมาก … เขาจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล และต่อปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้าที่ควีนส์คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
หลังจบออกมาเขาได้กลายมาเป็นคนเขียนบทละครและทำงานอยู่ในกองถ่ายภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ตอน พยัคฆ์เหนือพยัคฆ์ ที่มีฌอน คอนเนอรี่ แสดงนำ ในปี 1983 ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่เขาได้รับบทเป็นตัวประกอบในภาพยนต์

ในวัยเด็กโรแวน แอตคินสัน เป็นเด็กน้อยขี้อาย เขามักจะถูกเพื่อนบ้านล้อเลียนเหมือนตัวตลกเพียงเพราะเขาพูดติดอ่าง และบางครั้งก็พูดไม่ชัดโดยเฉพาะเสียง “บี” (B) เขารู้สึกมีปมด้อย แต่เขาก็พยายามมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอโดยมีพ่อแม่ของเขาคอยให้กำลังใจปกป้องเขาอยู่เคียงข้าง เขาจึงคุ้นชินกับการโดนหัวเราะในที่สาธารณะ

ด้วยการแสดงเป็นตัวประกอบที่โดเด่นในเรื่องหน้าตาที่ไม่เหมือนใคร ว่ากันว่าโครงหน้าของโรแวน มีกล้ามเนื้อที่ใบหน้ามากกว่าคนปกติทั่วไป ดังนั้นเขาจึงสามารถขยับส่วนของใบหน้าได้อย่างอิสระและเป็นเวลานาน ผู้ชมทางโทรทัศน์จำได้กับใบหน้าอันแปลกประหลาด นั้นทำให้เขาได้รับโจทย์การสร้างละครตลกให้ฉายในประเทศอังกฤษได้ โดยไม่ให้เกิน 25 นาที เขาจึงเขียนบทละครเรื่อ “Mr. Bean” ขึ้นมา

ในตอนแรกชื่อของ “Mr. Bean” ไม่ได้ชื่อว่ามิสเตอร์บีน แต่เป็นชื่อ “Mr. White” เพื่อนของเขาในกองถ่ายบอกว่ามันเป็นชื่อที่ไม่น่าจดจำ ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Mr.Cauliflower ที่แปลว่า”ดอกกะหล่ำ” แต่ชื่อยาวเกินไปและออกเสียงยาก จนมาจบที่ “Mr. Bean” น้ันเอง

เมื่อละคร Mr. Bean ฉายครั้งแรกในอังกฤษ เป็นหนังทุนสร้างต่ำแต่ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก จึงสร้างขึ้นมาอีก 14 ภาค และอีก 1 ภาคพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแฟนละครเรื่องนี้ รวมแล้วมีทั้งหมด 15 ตอน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยว่ามีรายได้เท่าไร ?

ในปี 1997 เขาคิดจะสร้าง Mr. Bean อีกครั้งแต่จะเปลี่ยนเนื้อหาจากตอนละ 25 -30 นาที ให้เป็นภาพยนต์เรื่องยาวที่มีเรื่องราวน่าติดตามผสมกับความตลก จึงมาเป็น Mr.Bean : The Movie หนังเรื่องนี้ทุนสร้างไม่สูงแต่สร้างรายได้ไปทั่วโลก

อีก 7 ปีต่อมา เขาก็ได้สร้างหนังสไตล์ที่เขาชื่นชอบคือหนังสายลับอย่าง เจมส์ บอนด์ แต่ก็ไม่ลืมใส่ความตลกลงไปด้วย จึงมาเป็นหนังซุปเปอร์สายลับอย่าง Johnny English ที่ตอนนี้มีแล้ว 2 ภาค และกำลังจะเข้ามาฉายภาคที่ 3 ในประเทศไทยครับ ใครเป็นแฟนต้องห้ามพลาด

สำหรับชีวิตส่วนตัว โรแวนได้แต่งงานกับ Sunetra Sastry ช่างแต่งหน้าในสำนักงานข่าว BBC และมีลูกด้วยกัน 2 คน คือเบน และลินลี่ ปัจจุบันพวกเขาได้หย่าร้างกันแล้ว
ต่อมาไม่นานโรแวนก็แต่งงานใหม่กับลูอิส ฟอร์ด อายุ 34 ปี(โรแวนอายุ 63 ปี) โดยใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในชานเมืองลอนดอน

ว่ากันว่าโรแวนมีทรัพย์สินมากถึง 130 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะค่าลิขสิทธิ์ของละครเรื่อง Mr.Bean ที่ขายไปกว่า 94 ประเทศทั่วโลก ยังไม่รวมลิขสิทธิ์การซื้อไปฉายบนเครื่องบิน และยังมีการทำการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง Mr.Bean โดยเขาเป็นคนพากษ์เสียงเอง ซึ่งลิขสิทธิ์นี้เขาสามารถทำเงินได้มากถึง 11 ล้านเหรียญต่อปี (ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี)

แทบไม่อยากเชื่อ จากผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดูตลก (แต่ผู้เขียนคิดว่าเขาก็มีมุมหล่ออยู่บ้านเช่นกัน) ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และเป็นที่ขบขันของเพื่อนบ้านเนื่องจากเขาเป็นคนพูดไม่ชัด จะสามารถสร้างละครใบ้โดยใช้หน้าตาและท่าทางที่เป็นจุดอ่อน ในการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ ….
ถึงแม้ว่าภาพยนต์ในชื่อของ Mr.Bean จะไม่ได้ทำเงินถึงพันล้าน แต่ด้วยชื่อเสียงของเขาและภาพลักษณ์ที่เป็นไอคอนของ Mr.Bean ก็ช่วยให้เขามีหนังที่ทำเงินได้เกือบถึงพันล้านเหรียญ นี้ยังไม่รวมค่าลิขสิทธิ์ที่เขาจะได้ สินค้าเครื่องใช้ที่ใช้ Mr.Bean เป็นพรีเซ็นเตอร์ ค่าลิขสิทธิ์จากอนิเมชั่น สิ่งเหล่านี้ล้วนทำเงินให้เขาทั้งสิ้น อย่างนี้เราก็เรียกได้อย่างเต็มปากว่าชื่อของ Mr.Bean คือ Asset ชั้นดีนั้นเอง